มองความคิดนอกกรอบ “สมเด็จพระมหาธีราจารย์” แบบอย่างของพระภิกษุกับงานสาธารณสงเคราะห์.

25/05/2022 คลังความรู้, บทความ 3,019
Share:

สำนักงานส่งเสริมความร่วมมือมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร).     https://static.wixstatic.com/media/c28c69_6fd18c87c3484172a6ffc7c486ec3de5.png/v1/fill/w_66,h_66,al_c,q_85,usm_0.66_1.00_0.01,enc_auto/c28c69_6fd18c87c3484172a6ffc7c486ec3de5.png. https://static.wixstatic.com/media/c28c69_3ce380b62dfd4e21b04070d2eb35c8a7.png/v1/fill/w_66,h_66,al_c,q_85,usm_0.66_1.00_0.01,enc_auto/c28c69_3ce380b62dfd4e21b04070d2eb35c8a7.png 

และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

 

มองความคิดนอกกรอบ “สมเด็จพระมหาธีราจารย์” แบบอย่างของพระภิกษุกับงานสาธารณสงเคราะห์... 

          ประเทศไทยเรามีคณะสงฆ์ส่วนใหญ่เป็นเถรวาท แบ่งออกเป็น 2 นิกายใหญ่ๆ คือ ฝ่ายมหานิกายและธรรมยุต คณะสงฆ์ส่วนใหญ่เป็นมหานิกาย มีระบบการปกครองเป็นลำดับชั้นๆ องค์กรสูงสุดคือ มหาเถรสมาคม

          บทบาทคณะสงฆ์ไทยที่ผ่านมามักอิงและอาศัยการทำงานร่วมกับฝ่ายบ้านเมือง ประเภท ฝ่ายบ้านเมืองไปทางทิศไหน คณะสงฆ์ก็ตามไปทางทิศนั้น ประเภทถ้อยทีถ้อยอาศัย ความคิดโดดๆ ที่คณะสงฆ์จะมีความปรีชาสามารถ “คิดนอกกรอบ” น้อยมาก อาจเป็นเพราะคณะสงฆ์ส่วนใหญ่ล้วนถูกระบบแบบราชการกลืนคือ ไม่กล้า เพราะกลัวตำแหน่งหลุดบ้าง กลัวนายหาว่าล้ำเล้นบ้าง
 

 

news_JiOTvanJTx180034_533.jpg

          หลายปีมานี้หลายนโยบาย หลายโครงการ หากชาวพุทธติดตามบทบาทของพระสงฆ์จะเห็นบทบาท “เปล่งๆนอกกรอบ” หลายโครงการ บางโครงการล้ำหน้ากว่าฝ่ายบ้านเมือง หลายโครงการคณะสงฆ์ตื่นตัวกล้าทำ หลายโครงการคณะสงฆ์ไม่รอ “งบประมาณ” จากรัฐบาล หมายความว่างานหลายอย่างที่เป็น “สังคมสงเคราะห์” พระสงฆ์เข้าไปมีบทบาทมากขึ้น

          เพื่อความเข้าใจบทบาทพื้นฐานกลุ่มของพระสงฆ์ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ขออธิบายเล็กน้อย คณะสงฆ์ไทยทั้งมหานิกายและธรรมยุตทั้งหมดมีประมาณ 3 แสนรูป แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ ตามความสมัครใจของตัวเองว่า หลังบวชแล้ว จะปฎิบัติศาสนกิจอะไรบ้าง

news_MrQdKrReaM180035_533.jpg

          กลุ่มที่หนึ่ง พระป่า พระสงฆ์กลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นสาย พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต เป็นพระป่าขนานแท้ ชอบอยู่ตามป่า ในถ้ำ ในเขา อีกสายหนึ่งก็ หลวงพ่อชา สุภทฺโท เป็นพระป่าเหมือนกัน ปัจจุบันสายนี้มีพระนานาชาติมาบวชและเผยแผ่ศาสนาได้ผลดีมาก

news_CzgLwLagpd180035_533.jpg

          กลุ่มที่สอง พระบ้าน หมายความว่า เป็นพระชนบททั่วไป เป็นพระสงฆ์ที่อยู่ในวัดตามหมู่บ้าน ในตำบล ตามอำเภอทั่วประเทศ เป็นพระสงฆ์ส่วนใหญ่ของคณะสงฆ์ไทย เป็นกลุ่มที่มีจำนวนมากที่สุด พระสงฆ์กลุ่มนี้บางรูปเป็นแกนนำในการพัฒนาชุมชนหมู่บ้าน เป็นแกนนำในการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม เป็นแกนนำในการประสานกับหน่วยงานต่างๆ

news_pUMdhNAVHP180036_533.jpg

          กลุ่มที่สาม พระเมือง พระสงฆ์กลุ่มนี้คือ พระสงฆ์ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดต่างๆ เป็นพระสงฆ์เรียนหนังสือหรือไม่ก็เป็นพระสงฆ์ระดับ “ปฎิบัติการ” นโยบายของคณะสงฆ์ส่วนกลาง เป็นมดงานในการสนองงานคณะสงฆ์และฝ่ายบ้านเมือง เป็นพระสงฆ์ที่มีความรู้ ความสามารถโดยผ่านการอบรมและจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้ง 2 แห่ง คือ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย

news_zhrwycdvpI180036_533.jpg

          ส่วนกลุ่มสุดท้าย คือ พระเมืองกรุง พระสงฆ์กลุ่มนี้คือ “ระดับสั่งการ” เป็นกลุ่มใหญ่ เป็นกลุ่มที่มีความรู้ความสามารถและมีศักยภาพ แต่ข้อเสียไม่มีข้อมูลในพื้นที่ เพราะไม่ได้คลุกคลีกับคณะสงฆ์และชาวบ้าน จึงขาดข้อมูลที่แม่นนำ

news_ZrvTMJqAuk180036_533.jpg

          การคิดนอกกรอบของคณะสงฆ์ ที่เห็นได้ชัด หลายปีมานี้คือ บทบาทของ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดยานนาวา เด่นมาก ทั้งเรื่องช่วยเหลือภัยพิบัติ ทั้งเรื่องการขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์ ทั้งเรื่อง “พระคิลานุปัฏฐาก” พระอาสาสมัครส่งเสริมสุขภาพประจำวัด ทั้งเรื่องการเยี่ยมผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียง ล้วนมีฐานมาจากบทบทบาทด้านสาธารณสงเคราะห์ ที่มหาเถรสมาคมมอบหมายให้ท่านทำงาน

          สาเหตุหนึ่งที่ท่าน “กล้าคิดนอกกรอบ” อาจเพราะท่านมีองค์ความรู้พร้อม อยู่ต่างประเทศมานาน สั่งสมประสบการณ์มามาก ทั้งมีบารมีเส้นสายในหมู่ฝ่ายบ้านเมืองยุคสมัยหนึ่งมีการกล่าวขานว่า “เสกให้คนเป็นปลัด เป็นอธิบดีเป็นนายพลได้” แต่นั่นคือ เรื่องเล่าขาน ในแง่ของความเป็นจริงแล้ว เท่าที่ทราบและมีข้อมูลก็คือ นอกจากท่านมีวิสัยทัศน์ที่ดีแล้ว ท่านมีคณะทำงานที่แข็งแกร่งทนแดนทนฝนต่างหาก

          ในฐานะคนนอกและติดตามการทำงานของฝ่ายสาธารณะสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคมมาต่อเนื่อง สิ่งที่อยากเห็นบทบาทของสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ในฐานะประธานฝ่ายสาธารณะสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม ก็คือ จัดทำโครงการระดมพระสายสังคมสงเคราะห์ทั่วประเทศ มาระดมสมองทำงาน มีแผนยุทธศาสตร์ จัดสรรงบประมาณ กำลังคน มีสำนักงาน ที่ชัดเจน เพื่อคณะสงฆ์และประชาชน อย่างเช่น โรงเรียนผู้สูงอายุ เครือข่ายพระคิลานุปัฎฐาก เครื่อข่ายพระผู้ป่วยติดเตียง หรือแม้กระทั้งบางโครงการที่ทำให้วัดและพระสงฆ์เป็นศูนย์กลางเป็นที่พึ่งของชาวบ้านได้อย่างแท้....ผมคิดว่าคณะสงฆ์และประชาชนอยากเห็น.

          ..................................
          คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
          โดย “เปรียญ10” : riwpaalueng@gmail.com

          อ่านต่อที่ : https://dailynews.co.th/article/734451