สุขภาวะในองค์กร: 10 เคล็ดลับเพื่อสุขภาวะที่ดีในการทำงาน

01/12/2021 คลังความรู้, บทความ 12,740
Share:

สุขภาพดีคือธุรกิจที่ดี

มาลองทำตามวิธีง่ายๆ ในการจัดลำดับความสำคัญด้านสุขภาวะในที่ทำงานของคุณและในระหว่างวันทำงานกันดูไหม

1. สร้างพื้นที่ทำงานโดยตั้งใจ

คุณอาจจะควบคุมเรื่องตำแหน่งที่ตั้งของสำนักงานและการจัดวางสิ่งต่างๆ ได้ไม่มากนัก แต่สุขภาวะในองค์กรเริ่มต้นจากสภาพแวดล้อมในที่ทำงานของเรา เราสามารถเตรียมตัวให้พร้อมได้ดีที่สุดสำหรับแนวทางปฏิบัติที่ดีในที่ทำงานเมื่อสภาพแวดล้อมในสำนักงานของเราสนับสนุนสภาวะการทำงานเชิงบวกที่ช่วยให้เรามีแรงบันดาลใจ มีสมาธิ และมีประสิทธิผลอยู่เสมอ

ลองนึกดูว่าอะไรทำให้คุณทำงานได้ดีที่สุด คุณต้องการพื้นที่เงียบสงบหรือไม่ ต้องการแสงเยอะๆ ไหม คุณต้องการพื้นที่ว่างบนโต๊ะทำงานเพื่อเขียน พื้นที่สำหรับเข้าถึงไฟล์กระดาษหรือเอกสารอย่างง่ายดายหรือไม่ คุณมีสมาธิจดจ่อกับงานได้มากที่สุดเมื่อหันหน้าเข้าหากำแพง หรือมีแรงบันดาลใจมากที่สุดเมื่อโต๊ะทำงานของคุณอยู่ในตำแหน่งที่คุณสามารถมองออกไปนอกหน้าต่างหรือไม่

แม้ว่าจะฟังดูง่าย แต่การจัดวางพื้นที่ทำงานของคุณด้วยความตั้งใจเพื่อเพิ่มความใส่ใจกับงานและประสิทธิภาพ สามารถลดความเครียดในที่ทำงานลงได้อย่างมาก

2. ให้ความสำคัญกับการจัดวางตามหลักการยศาสตร์

การทำงานนานๆ ที่โต๊ะทำงานด้วยท่าทางไม่เหมาะสมสามารถ (และส่วนใหญ่มักจะ) สร้างความหายนะให้กับร่างกายของคุณเมื่อเวลาผ่านไป

ทางที่ดีควรจัดโต๊ะ เก้าอี้ (หรือลูกบอลโยคะ ) จอภาพและแป้นพิมพ์ให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องตามหลักการยศาสตร์ ผู้วางแผนพื้นที่ทำงานแบบมีปฏิสัมพันธ์ช่วยกำหนดว่าตำแหน่งที่ดีที่สุดของโต๊ะทำงานซึ่งสัมพันธ์กับส่วนสูงของคุณควรอยู่ในตำแหน่งใดจึงจะเหมาะสม ทั้งนี้บริษัทและองค์กรจำนวนมากมีการประเมินตามหลักการยศาสตร์ภายในองค์กรเพื่อให้คุณจัดวางพื้นที่ทำงานและข้าวของได้อย่างเหมาะสม เนื่องมาจากความสำคัญของพื้นที่ทำงานตามหลักการยศาสตร์เพื่อสุขภาพของพนักงานนั่นเอง

หากสามารถเลือกโต๊ะที่ปรับระดับความสูงได้ก็ถือเป็นตัวเลือกในอุดมคติ  

3. เพิ่ม “ต้นไม้สำนักงาน” เพื่ออากาศบริสุทธิ์

ไม่ว่าคุณจะสามารถสร้างสวนเต็มรูปแบบที่โต๊ะทำงานของคุณ หรือมีแค่ต้นไม้ต้นเดียวตรงมุมห้อง มีเหตุผลสำคัญอย่างสองอย่างในการเพิ่มต้นไม้ลงในพื้นที่ว่างสำนักงานของคุณ:

  • น่าเศร้าที่โดยทั่วไปแล้ว อากาศภายในอาคารจะมีมลพิษมากเสียกว่าอากาศที่อยู่นอกอาคารสำนักงานออกไป แต่พืชบางชนิด เช่น ต้นเดหลี ต้นยางและต้นเศรษฐีเรือนในซึ่งดูแลรักษาง่ายมาก เป็นเครื่องฟอกอากาศชั้นเยี่ยมตามธรรมชาติ การเพิ่มต้นไม้เหล่านี้เข้าไปในพื้นที่ทำงานของคุณสามารถช่วยกำจัดสารพิษออกจากอากาศที่คุณหายใจเข้าไปได้
  • การสัมผัสความเขียวขจีจากต้นไม้ช่วยลดความเหนื่อยล้า เพิ่มความคิดสร้างสรรค์และผลผลิต และอาจถึงขั้นทำให้คุณมีความสุขมากขึ้นด้วย

4. หมั่นลุกจากโต๊ะทำงานสม่ำเสมอ

โอย ยากมากเลยสินะ จริงไหม เมื่อคุณยุ่ง / ทำงานหนักเกินไป / หรือรีบเร่งเพื่อให้ทันกำหนดเวลา การแยกตัวเองออกจากคอมพิวเตอร์แม้เพียงเพื่อเหตุผลด้านสุขภาพ

แต่ตามหลักแล้ว (เพื่อสุขภาพของคุณ) คุณควรลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานอย่างน้อยทุกครึ่งชั่วโมง สำหรับบางคน คำแนะนำดังกล่าวฟังดูแทบจะเป็นไปไม่ได้ หรือทำให้เสียสมาธิและทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง ดังนั้นให้ลองกำหนดระยะเวลาให้เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ

การตั้งการเตือนความจำที่ช่วยกันไม่ให้คุณ “ลืม” ลุกขึ้นมีประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง ตัวอย่างเช่น ตั้งเวลาปลุกบนโทรศัพท์ของคุณเป็นเวลา 30 นาที แม้ว่าคุณจะยืนขึ้นและเดินไปรอบๆ สำนักงานเพียงไม่กี่วินาทีขณะปิดนาฬิกาปลุก นั่นก็ถือเป็นการเคลื่อนไหวแล้วซึ่งนับว่าดี!

5. ปฏิบัติตามกฎวิสัยทัศน์ 20/20/20

อาการตาล้าจากคอมพิวเตอร์เกิดขึ้นได้จริง และอาจทำให้ตาแห้ง ตาพร่ามัว และปวดศีรษะได้ เมื่อทำงานกับคอมพิวเตอร์ ควรทำตามกฎ 20/20/20 นั่นคือ ทุกๆ 20 นาที ให้มองสิ่งที่อยู่ห่างออกไป 20 ฟุตเป็นเวลา 20 วินาที

6. ปลูกฝังความสัมพันธ์ทางอาชีพในเชิงบวก

ดราม่าในสังคมที่ทำงานอาจส่งผลเสียอย่างมหาศาลต่อสุขภาวะโดยรวมของคุณ เพื่อนร่วมงานของคุณคือคนกลุ่มหนึ่งที่คุณมีแนวโน้มว่าจะต้องใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สุดในชีวิตประจำวัน ความสัมพันธ์เชิงลบในที่ทำงานอาจทำให้เกิดความเครียดและอึดอัดใจ และแม้กระทั่งทำให้คุณรู้สึกสบายใจน้อยลงหรือตื่นเต้นกับการได้ออกไปทำงานน้อยลง

ปลูกฝังความสัมพันธ์เชิงบวกในที่ทำงานของคุณด้วยการเป็นเพื่อนร่วมงานที่มีเมตตาและสุภาพ ให้คนรู้จักคุณในฐานะคนที่ทำงานเป็นทีมและแสดงความมีน้ำใจและความเป็นมืออาชีพให้กับทุกคน อย่าสร้างดรามาในสำนักงานและอย่าสนับสนุนให้มีการก่อดราม่าในสำนักงาน เพราะความประพฤติทั้งสองแบบนี้มีส่วนทำให้เกิดสภาพแวดล้อมเป็นพิษในการทำงาน แม้ว่าคุณจะไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมของผู้อื่นได้ แต่การเอาตัวเองออกจากสถานการณ์ที่ไม่เป็นมืออาชีพ (หรือพูดคัดค้าน) เป็นการส่งสารถึงเพื่อนร่วมงานของคุณว่าคุณคาดหวังพฤติกรรมที่เป็นมืออาชีพในที่ทำงาน

ความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่มีประสิทธิภาพที่สุดบางส่วนมาจากการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะถ้าคุณทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานอย่างใกล้ชิด พยายามทำความรู้จักกับพวกเขา เพื่อนร่วมงานทำอะไรเพื่อความสนุกสนานนอกเวลางานบ้าง สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคืออะไร เป้าหมายในอาชีพของพวกเขาคืออะไร และคุณจะช่วยเหลือพวกเขาได้อย่างไร

7.แต่งตัวให้เหมาะกับงานที่คุณต้องการ

แม้ว่าแฟชั่นในที่ทำงานอาจดูเหมือนเป็นเพียงส่วนเสริมเล็กๆ น้อยๆ ในรายการด้านสุขภาวะ อย่าลืมว่ารูปลักษณ์ภายนอกของคุณมีอิทธิพลต่อความมั่นใจและความรู้สึกของคุณที่มีต่อตัวเองในที่ทำงานได้เป็นอย่างมาก (แล้วความมั่นใจก็มีอิทธิพลอย่างมากต่อความเต็มใจของคุณในการเสี่ยงเพื่อความก้าวหน้าในอาชีพการงานของคุณ !)

แม้ว่าแฟชั่นในที่ทำงานแบบสบาย ๆ จะไม่มีอะไรผิดปกติหากว่าได้ผลกับคุณ แต่หลายคนพบว่าพวกตนรู้สึกดีมากที่สุดขณะสวมชุดทำงานที่ทำให้รู้สึกดีและรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง

เรื่องจริงคือสิ่งที่คุณใส่ไปทำงานสามารถช่วยให้คุณรู้สึกเป็นมืออาชีพมากขึ้น มีประสิทธิผลมากขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือมีความมั่นใจมากขึ้น ดังนั้นจงสนุกสนานกับการแต่งตัวในส่วนนี้หากคุณต้องการ!

8. วางแผนการรับประทานอาหารกลางวันเพื่อสุขภาพ

เวลาอาหารกลางวันในที่ทำงานอาจเป็นข้อผิดพลาดประการหนึ่งของวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี หากคุณไม่ได้วางแผนล่วงหน้าสำหรับมื้อกลางวันในวันทำงาน คุณอาจพบว่าตัวเองมีตัวเลือกแบบอะไรก็ได้ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งมักจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีต่อสุขภาพที่สุด และไม่ใช่สิ่งที่คุณจะหันไปหาถ้าเกิดมีทางเลือกมากกว่า

ไม่ว่าการเลือกรับประทานอาหารกลางวันในที่ทำงานของคุณจะหมายความว่า ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับการรับประทานอาหารกลางวันเพื่อสุขภาพที่ดีคือการนำอาหารมาเอง หรือหากคุณมีตัวเลือกอื่นๆ ให้เลือก ให้ตกลงใจไว้ก่อนว่าจะรับประทานอะไรเป็นอาหารกลางวันในแต่ละวัน และอาหารดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนโภชนาการโดยรวมและนิสัยการกินเพื่อสุขภาพอย่างไร  

การสร้างแผนรับประทานอาหารประจำสัปดาห์สรุปสิ่งที่คุณรับประทานเป็นอาหารกลางวันในแต่ละสัปดาห์นั้นมีประโยชน์ ความพยายามในการวางแผนเล็กๆ น้อยๆ นี้จะช่วยให้คุณมีเครื่องปรุงพร้อมมวลสำหรับมื้อกลางวันเพื่อสุขภาพ

9. เดินเล่น

เคล็ดลับด้านสุขภาวะในองค์กรอย่างหนึ่งที่เป็นประโยชน์มากที่สุดทั้งทางร่างกายและจิตใจคือการออกไปเดินเล่นในตอนกลางวัน ไม่เพียงช่วยเพิ่มพลังงานและความคิดสร้างสรรค์ (โดยเฉพาะในช่วงบ่าย!) แต่ยังดีต่อสุขภาพโดยรวมของคุณที่จะได้รับวิตามินดีและอากาศบริสุทธิ์

แม้ว่าที่ทำงานของคุณจะไม่สนับสนุนให้คุณเดินเล่นสบายๆ ตามความตั้งใจ แต่ก็มีวิธีอื่นๆ ที่จะรวมการเดินเข้าไว้ในแต่ละวันของคุณแนะนำให้มีการประชุมแบบเดินไปพูดคุยไปกับเพื่อนร่วมงาน เดินเล่นในช่วงพักกลางวัน รับโทรศัพท์ขณะเดิน

ทำแบบนี้ยังสามารถช่วยให้คุณเดินได้ถึง10,000 ก้าวในแต่ละวันเลยนะ!

10. รู้ว่าควรพักบ้างเมื่อใดและอย่างไร

ความรับผิดชอบในงานที่เรียกร้องและความสามารถที่เพิ่มขึ้นในการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน แล็ปท็อป และฮอตสปอตไว-ไฟ รวมกันเป็นสิ่งที่ดูเหมือนจะมีประโยชน์แต่จริงๆ แล้วค่อนข้างเป็นอันตรายสำหรับความสามารถที่จะทำงานที่ไหนและเมื่อใดก็ได้ นี่คือภัยในการที่จะสามารถนำไปสู่การทำงานทุกที่ตลอดเวลา

ความสมดุลที่ดีระหว่างงาน/ชีวิตย่อมแตกต่างกันไปในแต่ละคน แต่โดยทั่วไปแล้วคือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างงานและการพักผ่อน สำหรับบางคน นี่หมายถึงการทำงานตั้งแต่เก้าโมงเช้าถึงห้าโมงเย็นอย่างเคร่งครัด หลังจากนั้นแล้วก็จะปิดเรื่องงานและใช้เวลาอยู่กับครอบครัวหรือเพื่อนฝูงโดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับงานแต่อย่างใด แต่สำหรับบางคน การผสมผสานดังกล่าวหมายถึงช่วงเวลาทำงานที่ยาวนาน หนักหน่วง เพื่อจะได้เพลิดเพลินกับช่วงเวลาพักผ่อนที่นานขึ้น

ความสมดุลระหว่างงาน/ชีวิตไม่ได้เกี่ยวกับการบรรลุถึงอัตราส่วนที่แน่นอน แต่เป็นการมองหาส่วนผสมที่เหมาะกับคุณที่สุด นั่นคือคงไว้ซึ่งการแบ่งงานและการพักผ่อนที่ให้ความรู้สึกสมดุลและช่วยให้คุณมีสุขภาพแข็งแรงนอกเวลางานด้วย

นอกจากจะรู้ว่าต้องผละจากงานบ้างบ่อยแค่ไหนแล้ว สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าอะไรจำเป็นในการผละออกจากงาน คุณทิ้งคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปไว้ที่สำนักงานเพื่อที่จะได้ไม่อยากเปิดเครื่องที่บ้านใช่หรือไม่ คุณปิดการแจ้งเตือนเรื่องงานบนโทรศัพท์ของคุณหรือเปล่า คุณตัดขาดการติดต่อสื่อสารกับสำนักงานในช่วงวันหยุดของครอบครัวหรือเปล่า

ส่วนหนึ่งของการทำตัวให้สดชื่นเสมอและมีสุขภาพดีพร้อมในการทำงานก็คือการผละออกจากงานตามความจำเป็นเช่นกัน

 

ที่มา https://fourwellness.co/blog/workplace-wellness-10-tips-for-good-health-at-work