หาก “ครอบครัว” คือบ้านหลังที่ 1  “สถานที่ทำงาน” ก็เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของผู้คน เนื่องจากปัจจุบันผู้คนใช้ชีวิตไปกับการสถานที่ทำงานกว่าครึ่งของเวลาในแต่ละวัน ดังนั้น สมาชิกในครอบครัวจะมีความสุขได้ต้องสร้างความสุขให้เกิดขึ้นในบ้านทั้ง 2 หลัง เพราะบทบาทของที่ทำงานสามารถช่วยเหลือพนักงานให้ดูแลครอบครัวได้ดี ด้วยสภาพแวดล้อมเอื้อต่อคนทำงานและครอบครัว มีสิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงสวัสดิการที่ครอบคลุมถึงครอบครัว ก่อให้เกิดแรงจูงใจในการทำงานอย่างเต็มศักยภาพ เป็นผลให้องค์กรดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

เป็นเรื่องที่ยอมรับกันโดยทั่วกันว่าการลงทุนขององค์กรในนโยบายที่เป็นมิตรต่อครอบครัวนั้น มีผลช่วยเพิ่มผลิตภาพของพนักงาน และช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับภาคธุรกิจในการดึงดูด และรักษาพนักงานของตนเอาไว้

เครือข่ายสถานประกอบการที่เป็นมิตรต่อเด็ก และครอบครัว (Family-Friendly Workplace) ได้จัดเก็บข้อมูลจากสถานประกอบการ พบว่ามีการจัดสวัสดิการที่เอื้อต่อการดูแลครอบครัวให้กับพนักงานซึ่งเกินกว่าที่กฎหมายกําหนดไว้ ในรูปแบบที่แตกต่างกัน ขึ้นกับบริบทการประกอบการและวิถีชีวิตของคนทํางานโดยอาจแบ่งได้เป็น 4 มิติหลัก ได้แก่

Time management

การเปิดโอกาสให้พนักงานมีการบริหารจัดการเวลาสำหรับการทำงานและชีวิตครอบครัวได้ดียิ่งขึ้น เช่น สวัสดิการด้านวันลา เช่น การลาคลอด 60 วัน พนักงานชายสามารถลาดูแลครอบครัวได้มีวันลาสำหรับการดูแลสมาชิกในครอบครัวที่เจ็บป่วย การยืดหยุ่นเวลางาน เป็นต้น

Work location

การใช้ทำเลที่ตั้ง เพื่อเอื้อให้พนักงานสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ พร้อมไปกับการดูแลครอบครัว เช่นการทํางานจากภายนอกสํานักงาน ทํางานที่บ้าน (WFH) หรือ สถานที่ทํางานตั้งในชุมชนบ้านเกิดของพนักงานเป็นต้น

Relations

องค์กร/สถานประกอบการหลายแห่ง มีแนวคิดเรื่องการเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวให้กับพนักงาน โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมในวันสำคัญ เพื่อให้พนักงานสามารถนำสมาชิกในครอบครัวมาร่วมงานที่จัดขึ้นในที่ทำงาน เช่น กิจกรรมวันเด็ก กิจกรรมวันแม่ รวมไปถึงวันปีใหม่ หรือ การจัดทริปท่องเที่ยวประจำปี นอกจากเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในครอบครัวพนักงานแล้ว หลายองค์กรต้องการให้พนักงานและสมาชิกมีความสนิทสนมคุ้นเคยกัน เป็นการสร้างวัฒนธรรมแบบพี่น้อง ด้วยหวังให้การประสานงานระหว่างกันเป็นไปได้อย่างราบรื่น

Family support

การสนับสนุนครอบครัว ได้แก่ การสนับสนุนด้านสถานที่ในที่ทำงาน เพื่อเอื้อให้พนักงานดูแลลูกได้ดีขึ้น เช่น การจัดห้องนมแม่ เนิร์สเซอรี ศูนย์เด็กเล็ก เป็นต้น และ การสนับสนุนค่าใช้จ่ายแก่ครอบครัวในด้านต่างๆ ที่น่าสนใจอย่างเช่น การจัดกองทุนเงินยืมสำหรับพนักงาน  การจัดตรวจสุขภาพให้กับผู้สูงอายุในครอบครัวของพนักงาน หรืองบสนับสนุน เช่น ค่าคลอดบุตร ทุนการศึกษา 

ที่มาข้อมูล: นิตยสาร FFW THAILAND 1/2566