มีนโยบายเพิ่มสวัสดิการใหม่แก่พนักงาน ตอบรับคนทุกเจนเนอเรชั่น และทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะคนโสด มีครอบครัว หรือชาว LGBTQ+ ล้วนได้รับสวัสดิการที่ครอบคลุม สอดรับกับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลง เช่น
• Maternity Leave ลาคลอดบุตร 180 วัน (รวมวันหยุด) โดยบริษัทฯ ยังคงจ่ายค่าจ้างให้ตามปกติ
• Parental Leave คุณพ่อลางานเพื่อดูแลภรรยา และบุตรได้ 30 วัน (รวมวันหยุด)
• Medical Leave for Gender Reassignment Surgery ลาเพื่อการผ่าตัดแปลงเพศได้ไม่เกิน 30 วัน
• Bereavement Leave วันลาพักใจ ให้พนักงานพักใจกับเหตุการณ์ที่ต้องสูญเสียคู่สมรส บุตร บิดา มารดา พี่น้องได้ไม่เกิน 10 วัน
มีนโยบายสนับสนุนความหลากหลายและยอมรับความแตกต่างของคนในองค์กร ซึ่งองค์กรเน้นย้ำเรื่องการสร้างสภาพแวดล้อมที่มีความเท่าเทียม ปลอดภัย และเปิดกว้าง ให้กับเพื่อนร่วมงาน LGBTQ+ และยังขยายสวัสดิการ การเบิกค่ารักษาพยาบาล ให้กับคู่ชีวิตของพนักงานที่เป็นเพศเดียวกันอีกด้วย โดยจะได้รับสวัสดิการด้านสุขภาพต่างๆของบริษัทฯ ไม่ว่าจะเป็น ประกันสุขภาพที่ครอบคลุมทั้งการรักษาแบบผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก รวมถึงโปรแกรมให้คำปรึกษาแก่พนักงานและสมาชิกครอบครัวด้วย
สนับสนุนให้ทุกคนทำงานร่วมกันได้ภายใต้ Core Value อย่าง Respect Everyone การเคารพทุกคนด้วยความเท่าเทียม และ การยอมรับทุกความต่างได้ออกนโยบายส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศด้วยการมอบสวัสดิการเพิ่มเติมสำหรับพนักงาน LGBTQ+ อาทิ
• เงินสนับสนุนช่วยเหลือสำหรับการแต่งงานเพศเดียวกัน 20,000 บาท เทียบเท่าสวัสดิการของคู่แต่งงานชายหญิง โดยสามารถนำรูปถ่ายจากงานแต่งงานมายื่นเป็นหลักฐานได้
• สิทธิ์วันลาสำหรับรับบุตรบุญธรรมมาเลี้ยงโดยลาได้สูงสุด 10 วัน
• สิทธิ์วันลาสำหรับผ่าตัดแปลงเพศ โดยลาพักได้สูงสุด 30 วัน
นอกจากนี้ยังจัดกิจกรรมพิเศษให้กับพนักงานในช่วง Pride Month เช่น การดูหนังเกี่ยวกับ LGBTQ+ และเชิญ Influencer มาเพื่อเสวนาประเด็นความเท่าเทียม รวมถึงการระดมทุนจากพนักงานในบริษัทเพื่อนำไปขับเคลื่อนความเท่าเทียมทางเพศผ่านมูลนิธิต่างๆ
เป็นบริษัทแรกในไทย ที่ลงนามกับ UN Global Standards of Conduct for Business หรือมาตรฐานข้อปฏิบัติทางธุรกิจขององค์การสหประชาชาติ (UN) เพื่อสนับสนุนความเท่าเทียมในสังคม เคารพสิทธิมนุษยชนของกลุ่ม LGBTQ+ และลดการกีดกันในสถานที่ทำงาน ซึ่งเริ่มตั้งแต่การรับสมัครพนักงาน ที่พิจารณาคนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม นอกจากนี้ยังทำแคมเปญต่างๆ ที่ช่วยผลักดันให้สังคมไทยเปิดกว้างยอมรับ LGBTQ+ ถือว่าเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญเรื่องความหลากหลายทางเพศไม่ใช่แค่ในระดับภายใน แต่ยังนึกถึงสังคมภายนอกอีกด้วยกับการมอบสวัสดิการสำหรับพนักงานที่มีความหลากหลายในองค์กร ได้แก่ ลาสมรส ไม่เกิน 6 วันต่อปี, ลาผ่าตัดแปลงเพศ ไม่เกิน 30 วันต่อปี,
ลาฌาปนกิจคู่ชีวิต ไม่เกิน 15 วันต่อปี และลาเพื่อดูแลคู่ชีวิตและบุตรบุญธรรม ไม่เกิน 7 วันต่อปี นอกจากนี้ยังครอบคลุมไปถึงคู่ชีวิตของพนักงาน ได้แก่ วัคซีนทางเลือก ประกันสุขภาพ และอื่นๆ
มีนโยบายสนับสนุนพนักงาน LGBTQ+ ด้วยการสร้าง LGBTQ+ Network ที่ช่วยส่งเสริมและสร้างการตระหนักรู้ความยากลำบากที่พนักงาน LGBTQ+ ต้องเผชิญ อีกทั้ง เชลล์ยังเป็นสมาชิกของ Workplace Pride ซึ่งเป็นมูลนิธิขององค์กรไม่แสวงหากำไรที่ตั้งอยู่ในกรุงอัมสเตอร์ดัม มูลนิธินี้มีเป้าหมายในการส่งเสริมให้ LGBTQ+ ให้ได้รับการยอมรับมากขึ้นในสถานที่ทำงานและสังคมอีกด้วย
การที่องค์กรให้ความสำคัญกับความหลากหลายทางเพศ ช่วยสร้างให้เกิดพื้นที่ปลอดภัยสำหรับชาว LGBTQ+ ทำให้ไม่ต้องกังวลทั้งการสมัครงาน ความก้าวหน้าในอาชีพ หรือการแสดงออกถึงตัวตนของพวกเขา ว่าจะถูกเลือกปฏิบัติในที่ทำงานหรือไม่ อีกทั้งยังได้รับสวัสดิการอย่างเท่าเทียมโดยไม่จำกัดเพศ
นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการสร้างสังคมให้เกิดความเสมอภาคและเท่าเทียม
ข้อมูลจาก :
https://www.engineeringtoday.net/กลุ่มบริษัท-จอห์นสัน-แอน/
https://thestandard.co/google-organization-concept/
https://thestandard.co/sansiri-offers-home-loans-for.../
https://www.shell.co.th/.../div.../lgbt-talent-at-shell.html