ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โครงการสุขภาวะในองค์กรพระสงฆ์ได้กลายเป็นตัวอย่างสำคัญของการสื่อสารรณรงค์ทางสังคม (Health Campaign) เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ และกระตุ้นแนวปฏิบัติในการดูแลสุขภาพของพระสงฆ์ ซึ่งมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลสำคัญอย่าง "วันวิสาขบูชา" ซึ่งเป็นโอกาสที่พุทธศาสนิกชนทั่วโลกร่วมน้อมรำลึกถึงพระพุทธเจ้า และแสดงความกตัญญูด้วยการใส่ใจสุขภาพของพระสงฆ์ ผู้มีบทบาทสำคัญในการสืบทอดพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืน
จากสถิติสุขภาพพระสงฆ์ พบว่า พระสงฆ์ไทยมีภาวะเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง มากกว่าประชาชนทั่วไปถึง 2-3 เท่า โดยจากรายงานการตรวจสุขภาพพระสงฆ์-สามเณรในกรุงเทพฯ ปี 2566 ของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า พระสงฆ์มีไขมันในเลือดสูงถึง 55.4% ภาวะอ้วน 44.3% ความดันโลหิตสูง 18.5% ภาวะเสี่ยงอ้วน 17.3% และระดับน้ำตาลในเลือดสูงถึง 15.6% ซึ่งสอดคล้องกับรายงานพระสงฆ์อาพาธของโรงพยาบาลสงฆ์ ปี 2566 ที่ระบุว่า พระสงฆ์ที่เข้ารับการรักษาส่วนใหญ่มาด้วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง
โครงการสุขภาวะพระสงฆ์จึงเข้ามามีบทบาทในการสร้างความตระหนักรู้ผ่านการผลิตสื่อที่หลากหลายและมีนวัตกรรมสูง เพื่อให้เกิดความเข้าใจและการปฏิบัติที่ถูกต้อง โดยเน้นแนวคิด “โภชนปัญญา” ที่สื่อสารให้เห็นว่าสุขภาพที่ดีของพระสงฆ์สามารถเริ่มต้นได้จากการพินิจโภชนา ปานะ กายะ และกิจกรรม แม้จะเลือกอาหารที่ได้รับจากบิณฑบาตไม่ได้ แต่ก็สามารถเลือกวิธีฉันได้อย่างเหมาะสม ซึ่งองค์ความรู้นี้ถูกพัฒนาจากงานวิจัยเชิงลึก และต่อยอดเป็นคู่มือ “สูตรสงฆ์ไทยไกลโรค”
รวมถึงการสื่อสารผ่านธรรมบรรยายสุขภาพ วิดีโอประกอบเสียงเทศน์ และกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สื่อรูปแบบใหม่ที่เชื่อมโยงกับวิถีพระสงฆ์ เช่น ใบลานเทศน์สุขภาพ ที่ผสานภูมิปัญญาเข้ากับคำแนะนำทางโภชนาการ และเซียมซีสุขภาพ ซึ่งเปิดโอกาสให้พระและญาติโยมมีส่วนร่วมอย่างสนุกและเข้าใจง่าย เป็นนวัตกรรมที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน โดยเฉพาะการออกแบบสื่อแนวใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน เพื่อดึงดูดความสนใจของพระสงฆ์และญาติโยม พร้อมผลักดันให้เกิดพฤติกรรมสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน
โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มายาวนานกว่า 10 ปี โดยมีจุดเริ่มต้นจากงานวิจัยของ ศ.ดร.ภญ. จงจิตร อังคทะวานิช ภายใต้โครงการ “สงฆ์ไทยไกลโรค” โดยรองศาสตราจารย์ ดร.ฐิตินัน บุญภาพ คอมมอน ได้เล่าที่มาที่ไปของโครงการว่า เกิดจากการตระหนักถึงปัญหาสุขภาพของพระสงฆ์ที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง และความจำเป็นที่ต้องมีการสื่อสารรูปแบบใหม่เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้จริง จึงพัฒนาแนวทางการสื่อสารสุขภาวะที่เข้าใจง่าย เชื่อมโยงธรรมะกับสุขภาพ และออกแบบสื่อให้เหมาะกับวิถีสงฆ์และญาติโยมในชุมชน
โดยกล่าวถึงจุดเด่นของโครงการว่า “นอกจากสื่อพื้นฐานทั่วไปแล้ว เรายังได้คิดค้นสื่อนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อดึงดูดและกระตุ้นการมีส่วนร่วม
ดร.ฐิตินันได้ยกตัวอย่างของสื่อนวัตกรรมใหม่ที่สามารถสร้างความตระหนักรู้และได้รับความสนใจอย่างแพร่หลาย เช่น "เซียมซีสุขภาพ" คือสื่อรูปแบบเกมเสี่ยงทายที่ประยุกต์จากวัฒนธรรมดั้งเดิมของไทย โดยปรับเนื้อหาให้เป็นข้อความส่งเสริมสุขภาพ เช่น ข้อคิดเรื่องโภชนาการ การออกกำลังกาย และการดูแลสุขภาพจิตใจ เมื่อหยิบไม้เซียมซีออกมา ผู้ร่วมกิจกรรมจะได้รับข้อความสั้นๆ ที่สร้างแรงบันดาลใจ หรือแนะนำแนวปฏิบัติสุขภาพเชิงบวก ทำให้เกิดการเรียนรู้อย่างไม่รู้ตัว ช่วยให้บรรยากาศผ่อนคลาย เป็นกันเอง และน่าดึงดูดสำหรับทุกช่วงวัย
ใบลานเทศน์สุขภาพ คือการนำเสนอองค์ความรู้ด้านสุขภาพในรูปแบบใบลานจำลอง โดยผสานเนื้อหาทางโภชนปัญญา เช่น แนวทางการเลือกฉันอาหารอย่างพอเหมาะ ความรู้เรื่องอาหารกลุ่มเสี่ยง เช่น กะทิ หรือเครื่องดื่มหวาน และพฤติกรรมการเดินจงกรม เพื่อให้พระสงฆ์และญาติโยมสามารถนำไปปรับใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ใบลานแต่ละแผ่นมักมีข้อความที่ใช้ภาษาง่าย กระชับ และสอดคล้องกับหลักธรรม สร้างความเชื่อมโยงระหว่างสุขภาพและธรรมะได้อย่างแยบยล ซึ่งเป็นรูปแบบสื่อเชิงนวัตกรรมที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน โดยมีพระหลายรูปได้นำเนื้อหาจากใบลานไปใช้ในการเทศน์สอน ปรับเนื้อหาให้เข้าถึงชาวบ้านและชุมชนจริง เกิดเป็นการสื่อสารสุขภาพในรูปแบบที่มีพลังและมีความหมายในชีวิตประจำวัน
อีกทั้งยังมีอีกหลายสื่อแนวใหม่เชิงโต้ตอบที่มีนวัตกรรมและโดดเด่น ได้แก่
อาจารย์ฐิตินันท์เน้นย้ำเพิ่มเติมว่า "การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพไม่ใช่แค่การนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง แต่ต้องสร้างแรงบันดาลใจและการมีส่วนร่วม" โดยเน้นภาษาที่เข้าใจง่าย พร้อมพัฒนานวัตกรรมสื่อใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น หลักสูตรอบรมออนไลน์ที่เข้าถึงง่าย เพื่อให้พระสงฆ์สามารถนำไปใช้จริงและถ่ายทอดสู่ชุมชนได้
โครงการนี้ยังเน้นการสื่อสารเชิงบวก (solution-based) ไม่เน้นความขัดแย้ง แต่ให้แนวทางดูแลสุขภาพที่ได้รับการตอบรับดีจากทุกฝ่าย ทั้งบุคลากรทางการแพทย์ พระสงฆ์ และชุมชน
ทั้งหมดนี้ ผู้สนใจสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ www.sonkthaiglairok.com
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////