มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว.) เดินหน้าสร้างสภาพแวดล้อมเพื่อการมีสุขภาวะที่ดีของนิสิต และบุคลากร โดยร่วมกับ สำนักสนับสนุนสุขภาวะองค์กร หรือ สำนัก 8 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)  เปิด “โรงอาหารสร้างเสริมสุขภาพ หรือ SWU Healthy Canteen” ขึ้น เมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา ณ อาคารโรงอาหาร หน้าโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทริวโรฒ ประสานมิตร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างพื้นที่ต้นแบบศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านสุขภาวะ ส่งเสริมพฤติกรรมการบริโภคที่ดีให้กับนิสิต บุคลากรของมหาวิทยาลัยและชุมชนรอบข้างอีกด้วย

งานนี้ได้รับเกียรติจาก รศ.ดร.ชลวิทย์ เจียรจิตต์ รักษาการแทนอธิการบดี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน และมีรศ.ดร.ทพ.สรสัณห์ รังสิยานนท์ รักษาการแทนรองอธิการบดีฝ่ายพัฒนากายภาพ เป็นผู้กล่าวรายงาน ในส่วนของ สสส. โดย คุณพงษ์ศักดิ์ ธงรัตนะ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะองค์กร หรือ สำนัก 8 ได้ร่วมกล่าวถึงแนวทางการสร้างความร่วมมือในการส่งเสริมสุขภาพในมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ ภายในงานผู้บริหารมศว. และ สสส. ยังได้มีการลงนามในป้ายปฏิญาณโรงอาหารสร้างเสริมสุขภาวะ ซึ่งถือเป็นเครื่องหมายของ ความมุ่งมั่นร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยและภาคีเครือข่าย ในการขับเคลื่อนให้มศว.เป็นต้นแบบของ "เครือข่ายมหาวิทยาลัยส่งเสริมสุขภาพระดับอาเซียน" หรือ AUN-HPN ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญที่มุ่งหวังให้เกิดขึ้นในอนาคตต่อไป

รศ.ดร.ทพ.สรสัณห์ รังสิยานนท์ รักษาการแทนรองอธิการบดีฝ่ายพัฒนากายภาพ ได้กล่าวสรุปถึงวัตถุประสงค์และที่มาของการจัดงานว่า "กิจกรรมในวันนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยในการเป็นต้นแบบศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านสุขภาวะ ซึ่งมีส่วนช่วยส่งเสริมพฤติกรรมการบริโภคที่ดีให้กับนิสิตและบุคลากร แต่ยังเป็นอีกหนึ่งแนวทางสำคัญในการขับเคลื่อนเครือข่ายมหาวิทยาลัยส่งเสริมสุขภาพในระดับอาเซียน" 
 ทั้งนี้รศ.ดร.ชลวิทย์ เจียรจิตต์ รักษาการอธิการบดี มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒได้กล่าวถึงความร่วมมือในพิธีเปิดงานว่า โรงอาหารสร้างเสริมสุขภาพ หรือที่เรียกว่า SWU Healthy Canteen ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ในการพัฒนาสิ่งแวดล้อมด้านอาหารภายในมหาวิทยาลัยให้เอื้อต่อการส่งเสริมสุขภาพของนิสิตและบุคลากรอย่างยั่งยืน

“การดำเนินโครงการนี้เกิดขึ้นจาก ความร่วมมือของหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น ฝ่ายบริหารมหาวิทยาลัย คณาจารย์ นิสิต ผู้ประกอบการร้านอาหารภายในมหาวิทยาลัย รวมถึง ภาคีเครือข่ายด้านสุขภาวะ โดยเฉพาะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ผ่านสำนักสนับสนุนสุขภาวะองค์กร ที่ให้การสนับสนุนเชิงนโยบายและองค์ความรู้ในการพัฒนาโรงอาหารให้เป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ด้านสุขภาพ นอกจากนี้ ชมรม SWU-Well Being ซึ่งเป็นชมรมนิสิตที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนแนวคิดสุขภาวะในระดับมหาวิทยาลัย ได้มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพให้เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวันของนิสิตและบุคลากรซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญที่เรามุ่งหวังให้เกิดขึ้นในอนาคต” ดร.ชลวิทย์กล่าว
ด้าน คุณพงษ์ศักดิ์ ธงรัตนะ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะองค์กร หรือ สำนัก 8 สสส. ได้กล่าวถึงแนวทางการสร้างความร่วมมือมหาวิทยาลัยส่งเสริมสุขภาพว่า ในนามขององค์กร สสส. มีความยินดีและเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้ร่วมในงานเปิดโรงอาหารสุขภาพ ถือเป็นก้าวสำคัญในการก้าวไปสู่มหาวิทยาลัยสุขภาพ ทาง สสส.มองเรื่องสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญต่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดี และเชื่อว่าการที่บุคลากร นิสิตนักศึกษา มีสุขภาพดี ส่วผลต่อคุณภาพชีวิตที่ดีด้วย และส่วนสำคัญคือการสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพที่ดีในทุกมิติ 
“ซึ่งการเกิดขึ้นของโรงอาหารสุขภาพ มศว. ในครั้งนี้ เป็นมิติสำคัญที่เราพยายามผลักดันและสนับสนุนมาโดยตลอด เพราะประเด็นเรื่องอาหาร  ถ้าไม่เทียบกับปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ประเด็นโภชนาการและอาหารถือว่ามีผลต่อชีวิตและสุขภาพเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหวาน มัน เค็ม หวานทำให้อ้วนและเบาหวาน เค็มทำให้เกิดโรคไตและความดัน มันมีผลต่อหลอดเลือดสมอง, หลอดเลือดหัวใจและน้ำหนักตัว โรงอาหารมศว. จึงไม่ใช่แค่โรงอาหาร แต่จะเป็นพื้นที่ในการสร้างเสริมสุขภาพของทุกคน และเป็นพื้นที่ในการเรียนรู้ โดยเฉพาะการจัดให้มีสื่อเพื่อให้ความรู้เรื่องโภชนาการที่เหมาะสม  เช่น 2:1:1 , การลดหวาน ลดมัน ลดเค็ม ที่ถูกรณรงค์ในทุกจุดของโรงอาหารแห่งนี้ 
“ขอแสดงความยินดีกับมศว. เพราะประเด็นเรื่องอาหารและสุขภาพ ถูกพูดถึงในทุกที่และทุกองค์กร ดังนั้น ถ้าอยากทานอาหารสุขภาพเชิญที่มศว. และเชื่อว่าในอนาคตจะมีการพัฒนาเมนูสุขภาพ ที่ดีต่อบุคลากรและนิสิตมศว. และส่งต่อสุขภาพดีให้กับประชาชนทั่วไปที่อยู่รอบนอกของมหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัย ขอบคุณผู้บริหารมศว. ที่ใส่ใจสุขภาพบุคลากรและนิสิตนักศึกษา  ขอให้โครงการบรรลุวัตถุประสงค์การเปิดเครือข่ายมหาวิทยาลัยสุขภาพอาเซียน (AUN-HPN) เชื่อว่างานที่ดีนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการถูกนำเสนอในมหาวิทยาลัยสุขภาพอาเซียนต่อไป” ผู้อำนวยการการทิ้งท้ายถึงงานในวันนี้

การดำเนินโครงการนี้ไม่เพียงช่วยให้มหาวิทยาลัยเป็นต้นแบบของศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านสุขภาวะ แต่ยังเป็นแนวทางสำคัญในการขับเคลื่อนเครือข่ายมหาวิทยาลัยส่งเสริมสุขภาพระดับอาเซียน ซึ่งจะช่วยให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนและเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของนิสิตและบุคลากรในระยะยาว